James Wade

James Wade เกิดวันที่ 16 เม.ย.1983 (พ.ศ.2526) เป็นชาวอังกฤษ ถนัดมือซ้าย มีผลงานที่โดดเด่นเป็นพิเศษในปี ค.ศ.2006 (พ.ศ.2549) เขาได้รับรางวัล PDC Young Player of the Year (แปลเป็นไทยน่าจะหมายถึงดาวรุ่งยอดเยี่ยมแห่งปี) และในปีเดียวกันนี้ก็ยังสร้างสถิติจบเกมด้วยลูกดอกเพียง 9 ดอก ได้ถึง 3 ครั้ง ภายในปีเดียว ในปีต่อมา(ค.ศ.2007) James Wade ก็ยังคว้าแชมป์รายการ World Matchplay และ World Grand Prix และยังได้รางวัล PDC Player of the Year ในปีนั้นด้วย ในปีค.ศ.2009 (พ.ศ.2552) เขาก็ยังได้แชมป์ PDC Premier League แสดงให้เห็นแล้วฝีมือของเขาต้องไม่ธรรมดาแน่นอน

Jame Wade มีฉายาว่า The Machine ก็ดูการปาก็แล้วกันครับ สมกับฉายาไหม คลิปวีดีโอต่อไปนี้เป็นการแข่งขันรายการ Grand Slam of Darts ปีค.ศ. 2008 พบกับ Gary Anderson ในรอบ 16 คนสุดท้าย James Wade โชว์ฟอร์มด้วยการจบเกมด้วยลูกดอก 9 ดอก เห็นทำท่าดีใจแบบสะใจสุดๆ แต่ James Wade แพ้ครับ ตกรอบไปด้วยสกอร์ 10 : 8


คลิปวีดีโอต่อมาเป็นรอบชิงแชมป์รายการ World Matchplay ปี ค.ศ.2007 James Wade พบกับ Terry Jenkins แล้ว James Wade ก็ชนะไปด้วยสกอร์ 18 : 7 คว้าเงินรางวัลไป 200,000 ปอนด์




James Wade นั้นถนัดมือซ้าย แถมใส่แว่นอีกต่างหากก็ยังสามารถจบเกมได้ภายใน 9 ดอก แสดงว่าคนใส่แว่นจะบอกว่าเสียเปรียบ หรือคนถนัดมือซ้ายจะอ้างว่าจับไม่เหมือนชาวบ้านเขา แล้วจะเสียเปรียบ James Wade พิสูจน์แล้วว่า ไม่สำมะคัญ เรื่องอย่างนี้มันอยู่ที่ใจและการฝึกฝน James Wade นั้น แม้จะเป็นคนมีฝีมือแต่ก็ยังไม่เคยคว้าแชมป์โลกกับเขา แต่ถ้าจัดลำดับการทำเงินรางวัลของนักดาร์ทอาชีพแล้ว เขาก็อยู่ในอันดับต้นๆ ไม่รู้จะเขียนอะไรต่อจบแล้วครับ...^_^

Raymond van Barneveld

ส่วนใหญ่แล้วนักดาร์ทชั้นแนวหน้าของโลกจะมาจากสหราชอาณาจักร โดยเฉพาะประเทศอังกฤษ ก็เป็นเรื่องธรรมดาก็เพราะดาร์ทเกิดขึ้นที่นี่และนิยมเล่นกันที่นี่ มีนักดาร์ทไม่กีคนนักที่มาจากชาติอื่น ที่จะมีฝีมือชั้นแนวหน้าของโลก จากผลงานที่ผ่านมาก็เป็นที่ประจักษ์แก่สายตาคนเป็นล้านคนมาแล้ว หนึ่งในนั้นก็คือ Raymond van Barneveld ชาวเนเธอร์แลนด์ เกิด 20 เม.ย.1967 (พ.ศ.2510) ฉายาของเขาคือ Barney และ The man ผลงานการคว้าแชมป์เอาที่รายการใหญ่ๆ ก็ได้แก่ แชมป์โลกของ BDO ปี ค.ศ.1998, 1999, 2003 และ 2005 แล้วย้ายมาเล่น PDC ในปี 2006 ก็สามารถคว้าแชมป์โลกของ PDC ในปี 2007 (การจัดชิงแชมป์โลกของวงการดาร์ทอาชีพมี 2 องค์กร ได้แก่ ฺBritish Darts Organisation ตัวย่อ BDO และ Professional Darts Corporation ตัวย่อ PDC)
Raymond van Barneveld คว้าแชมป์โลก ปี 2007 ด้วยการสยบ Phil Taylor ด้วยสกอร์ 7-6
คว้าเงินรางวัลไป 500,000 ปอนด์


Raymond van Barneveld เป็นนักดาร์ทที่เป็นจอมจบเกมด้วยลูกดอกเพียง 9 ดอก คนหนึ่งในไม่กี่คน ไม่ว่าจะเป็นทั้งรายการชิงแชมป์โลก และในรายการต่างๆ




Raymond van Barneveld แต่งงานแล้วมีลูก 3 คน น่าจะด้วยเหตุที่ว่าเป็นนักดาร์ทที่ไม่ใช่ชาวอังกฤษ ด้วยฝีมือและความเป็นกันเองกับแฟนๆ เมื่อไปเล่นในอังกฤษ ก็มีแฟนๆ ชาวสก๊อตแลนด์เป็นจำนวนมาก (ไม่ใช่กิ๊ก) หมายถึงแฟนคลับ ที่นิยมชมชอบ ถึงแพ้แต่ก็ได้ใจ จบ...^_^

Eric Bristow

ก่อนที่วงการดาร์ทจะรู้จัก The Power หรือ Phil Taylor ผู้มีฉายาว่า The Crafty Cockney คือผู้ที่ครองความเป็นยอดฝีมือในโลกของดาร์ทมาก่อน และเขาผู้นี้เป็นผู้ที่ผลักดันและอยู่เบื้องหลังความสำเร็จของ The Power เขาผู้นี้คือ Eric Bristow ผู้มีลีลาการจับลูกดอกขณะขว้างเป็นเอกลักษณ์และสะดุดตา ดูๆ แล้วยังกะท่านกกระเรียน แต่เขาว่าเหมือนท่าดื่มชา ความโด่งดังของ Eric Bristow ในสมัยนั้น ว่ากันว่าพอ ๆ กับ Steve Davis แชมป์โลกหลายสมัยของกีฬาสนุกเกอร์
Eric Bristow เป็นชาวอังกฤษ เกิดเมื่อ 25 เม.ย.1957 (พ.ศ.2500) เริ่มเข้าสู่วงการดาร์ทในปี 1977 แล้วในรายการชิงแชมป์โลก ก็มาได้แชมป์โลกเมื่อปีค.ศ.1980,1981,1984,1985 และ 1986 ในรายการ World Cup ที่มีการจัดการแข่งขันทุก 2 ปี มีการแข่งขันดาร์ทหลายประเภท ในประเภทชายเดี่ยว Eric Bristow ในฐานะตัวแทนจากประเทศอังกฤษก็คว้าแชมป์ในปี 1983,1985,1987 และ 1989 นอกจากนี้ก็ยังมีแชมป์อีกหลายรายการ
ในปี 1987 เริ่มมีอาการที่เรียกว่า Dartitis เป็นอาการลักษณะเดียวกับที่เกิดกับนักกอล์ฟที่เรียกว่า Yip นั่นคือตอนขว้างลูกดอกแล้วเกิดการติดขัด หรือเกิดการกระตุก ที่แขนหรือที่นิ้ว ทำให้ Eric Bristow ต้องมีการปรับเปลี่ยนลักษณะการขว้างของตนเอง จะด้วยสาเหตุนี้หรือเปล่าไม่ทราบ ในปีต่อๆ มา เขาแทบจะไม่ได้ครอบครองแชมป์รายการใดเลย และยุติการเล่นดาร์ทอาชีพครั้งสุดท้ายในปี ค.ศ.2000 ตอนนั้น Eric Bristow มีอายุ 43 ปี มากกว่า Phil Taylor แค่ 3 ปี แต่ดูแก่กว่าเยอะไม่รู้ว่าเป็นเพราะดื่มอัลกอฮอล์มากไปหรือเปล่าเพราะเคยให้สัมภาษณ์ว่าชอบดื่ม
คลิปวีดีโอข้างล่างนี้เป็นการได้แชมเปี้ยนโลกครั้งแรกของ Eric Bristow รอบชิงชนะเลิศ โดยพบกับ Bobby George ตอนนั้นอายุเพียง 23 ปี และลองสังเกตเสื้อที่ Eric Bristow เขาใส่ครับเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว เป็นรูปตำรวจยืนอยู่ แล้วมีรูปธงของสหราชอาณาจักรอยู่ข้างหลังจะใส่เสื้อแบบนี้ทุกครังในการเล่น ส่วนคู่ต่อสู้ของพี่แก่ Bobby George การแต่งตัวของเขาก็เป็นเอกลักษณ์เช่นกันคือจะออกเว่อร์ๆ



ส่วนคลิปวีดีโอต่อมานี้เป็นรายการแข่งขันชิงแชมป์โลกของ PDC ระหว่าง Eric Bristow กับ Phil Taylor รอบ 4 คนสุดท้าย การแข่งขันนัดนี้มีการกล่าวถึงว่าเป็นครั้งสำคัญต่อการยุติการเล่นของ Eric Bristow



ในปีค.ศ.1997 Eric Bristow มีอายุ 40 ปี Phil Taylor อายุ 37 ปี ดูสภาพแล้วยังกะอายุห่างกันเป็น 10 ปีถ้าลองสังเกตการปา ของ Eric Bristow ในปี 1980 กับปี 1997 จะไม่เหมือนกัน ในปี 1997 จะปาออกกระชากๆ ไม่คล่องตัวเหมือนตอนปี 1980 แต่ Phil Taylor ดูปาอย่างไรก็เหมือนเดิม Eric Bristow หลังจากหยุดการเล่นดาร์ทอาชีพแล้ว ก็ไปเป็นที่ปรึกษาการเล่นดาร์ท มีโชว์ตัวบ้าง จะเห็นว่าร่างกายนั้นเป็นของไม่เที่ยง เช่นเดียวกับแชมป์ไม่จีรังยั่งยืน ดูแลสุขภาพตัวเองกันด้วยนะครับ จบครับ...^_^

Phil Taylor

ในหมู่ผู้เล่น Darts เชื่อว่าคงไม่มีใครที่ไม่รู้จัก Phil Taylor หรือ nickname คือ The Power เจ้าของสถิติแชมป์โลก 15 สมัย โดยเป็นแชมป์ของ BDO World Championship ปี 1990, 1992 และเป็นแชมป์ PDC World Championship ปี 1995, 1996, 1997, 1998, 1999, 2000, 2001, 2002, 2004, 2005, 2006, 2009 และ 2010 นอกจากนี้ยังเป็นแชมป์อีกหลายรายการ ลงรายละเอียดไม่ไหวไปดูเอาเองนะครับ คลิกที่นี่
เคยได้ยินคนเขาว่าการเล่น Darts นั้นเป็นเรื่องของโชค แสดงว่า Phil Taylor นี่พี่แกคงจะโชคดีมากถึงได้แชมป์เยอะขนาดนี้ จริงรึ?
Phil Taylor เกิดเมื่อ 13 สิงหาคม 1960 เป็นชาวอังกฤษ ออกจากโรงเรียนเพื่อมาทำงานเมื่อตอนอายุ 16 ปี ได้งานเกี่ยวกับการทำอุปกรณ์ในห้องน้ำ รายได้ไม่มาก งานอดิเรกของ Phil Taylor ก็คือการเล่น Darts ในปี 1988 Phil Taylor ได้ไปเล่น Darts ในผับของ Eric Bristow ผู้ซึ่งเป็นนักดาร์ทที่มีชื่อเสียงในสมัยนั้น และเป็นนักดาร์ทระดับตำนานคนหนึ่งของอังกฤษ Phil Taylor เข้าไปขอซ้อมด้วย Eric Bristow เห็นแวว เห็นความมุ่งมั่นใส่ใจ ยังไม่มีมนุษย์หน้าไหนที่เข้ามาเล่นด้วยอึดขนาดนี้ เพราะเวลาซ้อมของ Eric Bristow จะใช้เวลาซ้อมรอบละประมาณ 4 ชม. มีรอบเช้ากับรอบกลางคืน เขาจึงให้การสนับสนุน ให้คำปรึกษาและฝึกซ้อมไปด้วยกัน แถมยังพาไปแข่งในที่ต่างๆ แต่ยังไม่ประสบความสำเร็จ แถม Eric Bristow ยังได้รับคำติชมจากนักดาร์ทด้วยกันว่า เปล่าประโยชน์ในการให้การสนับสนุนแก่ Phil Taylor แต่ Eric Bristow ยังเชื่อมั่นในตัว Phil Taylor และยังเห็นว่าถ้า Phil Taylor ยังทำงานอยู่ที่เดิมคงไม่พัฒนาแน่ เลยเสนอให้ออกจากงานซะ แล้วเขาจะเป็นสปอนเซอร์ให้ Phil Taylor ตอบ Ok และเซ็นสัญญา หลังจาก Phil Taylor ลาออกจากงานก็ได้ใช้เวลาฝึกซ้อมอย่างเต็มที่จนพัฒนาฝีมือตัวเองและเก็บคะแนนสะสมจนเพียงพอที่จะเข้าไปแข่งขันในรายการชิงแชมป์โลกได้
ในปี 1990 ในรอบตัิดสิน รายการชิงแชมป์โลก ระหว่าง Eric Bristow ผู้มีดีกรีเป็นอดีตแชมป์โลก 5 สมัย Phil Taylor นักดาร์ทหน้าใหม่มาแรงพึ่งจะได้มาเล่นในรายการนี้ครั้งแรกในชีวิต ผู้ที่ Eric Bristow ฝึกมากับมือต้องมาเจอกัน



และแล้วอาจารย์ก็แพ้ลูกศิษย์ ไปด้วยเกม 6 ต่อ 1 เซต Phil Taylor ชนะได้เงินรางวัลทีหนึ่งไป £24,000 และยังได้รางวัลจบเกมด้วยคะแนนสูงสุดอีก £500 แจ้งเกิดในงานนี้ และในปีเดียวกันนี้เขายังได้แชมป์ World Masters อีกได้เงินรางวัล £8,000 จากนั้นมา Phil Taylor ก็สามารถยืนหยัดได้ด้วยตนเอง และคว้าแชมป์หลายรายการมาจนถึงปัจจุบันนี้



ภาพซ้าย Eric Bristow กับ Phil Taylor สนิทสนมกันมากชวนสยอง ส่วนภาพขวา Phil Taylor กับลูกชาย หลังจากได้ชัยชนะ World Championship ครั้งแรกในชีวิตเขา ในปี 1990
อ่านดูแล้่วคงจะพอรู้ว่ากว่าจะได้เป็นแชมป์นั้น นอกจากได้อาจารย์ดีแล้วยังต้องมีความขยันฝึกซ้อม ทุ่มเท นี่ถึงขนาดกล้าลาออกจากงาน เอาเรื่องของแชมป์มาเล่าเผื่อจะได้เป็นแรงบันดาลใจให้ทุึกท่านที่สนใจกีฬา Darts คงจบบทความแค่นี้ แล้วพบกันใหม่ครับ.. ^_^

จบเกมได้แล้ว

บทความนี้ชื่อจบเกมได้แล้ว หมายได้หมายถึงแม่หรือภรรยาใครมาตามแล้วบอกให้หยุดเล่นดาร์ท แล้วกลับบ้านนะครับ แต่หมายถึง ในการเล่นดาร์ทเกม 01 เมื่อคุณมีคะแนนคงเหลือ 170 คะแนน ซึ่งเป็นคะแนนคงเหลือมากที่สุดที่สามารถจบเกมได้ นั่นคือ คุณสามารถจบเกมด้วยการปาลูกดอกทั้ง 3 ดอก ไปที่ T20,T20 และ Bull's eye ก็จะได้ 170 คะแนน เกม 01 นั้น ผู้เล่นถ้าจบเกมได้ก่อนจะเป็นฝ่ายชนะ คือเรื่องนี้ก็อาจจะรู้ๆ กันอยู่ ว่าสามารถจบเกมได้ตั้งแต่คะแนนคงเหลือ 170 แต่ก็มีเรื่องที่น่าสนใจอยู่บ้างนะครับ ลองมาดูตารางแสดงคะแนนคงเหลือ แล้ววิธีการจบเกมด้วยลูกดอก 3 ดอก ด้านล่างนี้ครับ

คะแนน ครั้งที่ 1 ครั้งที่ 2 ครั้งที่ 3
170 T20 T20 Bull
167 T19 T20 Bull
164 T20 T18 Bull
161 T17 T20 Bull
160 T20 T20 D20
158 T20 T20 D19
157 T19 T20 D20
156 T20 T20 D18
155 T20 T19 D19
154 T18 T20 D20
153 T20 T19 D18
152 T20 T20 D16
151 T17 T20 D20
150 T20 T18 D18
149 T19 T20 D16
148 T16 T20 D20
147 T20 T17 D18
146 T20 T18 D16
145 T20 T15 D20
144 T20 T20 D12
143 T20 T17 D16
142 T20 T14 D20
141 T20 T15 D18
140 T20 T16 D16
139 T19 T14 D20
138 T20 T18 D12
137 T19 T16 D16
136 T20 T20 D8
135 T20 T15 D15
134 T20 T14 D16
133 T20 T19 D8
132 T20 T16 D12
131 T20 T13 D16
130 T20 20 Bull
129 T19 T16 D12
128 T20 T20 D4
127 T20 T17 D8
126 T19 19 Bull
125 T20 25 D20
124 T20 T16 D8
123 T19 T10 D18
122 T18 T20 D4
121 T17 T18 D8
120 T20 20 D20
119 T19 T10 D16
118 T18 T16 D8
117 T19 20 D20
116 T20 20 D18
115 T19 18 D20
114 T20 18 D18
113 T19 16 D20
112 T20 20 D16
111 T17 20 D20


จะเห็นว่าถ้ามีคะแนนคงเหลือ 169,168,165,163,162 และ 159 คะแนน คุณจะไม่สามารถปิดเกมได้ด้วยลูกดอก 3 ดอก ซึ่งก็มีเพียง 6 หมายเลขเท่านั้น น่าจะพอจำได้ ดังนั้น เกิดไปเล่นดาร์ทกับใครแล้วคู่ต่อสู้ของคุณเหลือคะแนน 6 หมายเลข ดังกล่าว แล้วปิดเกมได้ด้วย 3 ดอก แสดงว่ามั่วแล้ว ถ้าจบได้ด้วย 2 ดอก ยิ่งมั่วกันไปใหญ่ ยิ่งบรรยากาศถ้าการแข่งแบบให้ดื่มสุราได้ด้วยล่ะก็ ทั้งคนจดแต้มคนเล่นโอกาสเบลอพอๆ กัน แล้วถ้าคุณปาเหลือคะแนนดังกล่าวก็ไม่ต้องมาคิดให้เสียเวลานะครับว่าจะปาอย่างไร เดี๋ยวลำบากคู่ต่อสู้ของคุณต้องมาช่วยคิดอีกว่าจะเอาอย่างไรกับคุณดี ตัวเลข 6 ตัวนี้นะครับ บางคนอาจจะไม่ใส่ใจ แต่ก็สร้างโอกาสแพ้แก่คุณได้ สมมติว่าคุณได้ปาก่อน แล้วคุณปาลูกดอกแบบไม่คำนึงว่าจะเหลือคะแนนเท่าใด สมมติว่าเหลือคะแนน 159 คะแนน แต่ฝ่ายตรงข้ามของคุณกลับปาให้ได้คะแนนคงเหลือ 167 คะแนน ดูเผินๆ คุณเหลือคะแนนน้อยกว่าน่าจะเป็นต่อ แต่ว่าคุณยังต้องปาลูกดอกอีกอย่างน้อยก็ต้อง 4 ดอก จึงจะจบเกม ขณะที่ฝ่ายตรงข้ามสามารถจบเกมได้ด้วยลูกดอกเพียง 3 ดอก ถึงแม้จะปาทีหลัง สำหรับคะแนนคงเหลือตั้งแต่ 110 คะแนนลงไป สามารถจบเกมได้ด้วยลูกดอกเพียง 2 ดอก ครับ แล้วก็มีตัวเลขที่จบไม่ได้ด้วย 2 ดอก อีกเช่นกัน นั่นก็คือ 109,108,106,105,103,102 และ 99 บทความที่เล่ามานี้ ก็น่าจะมีประโยชน์บ้างนะครับ ยิ่งใครเป็นประเภทปาแบบสั่งได้ แล้วเวลาปามีการวางแผนการเล่นรู้ว่าจะจัดการคะแนนอย่างไร ก็เหมือนกับเสือติดปีก แต่จะบินได้หรือเปล่าน้า... ไก่มีปีกมันยังบินไม่ค่อยจะขึ้นเลย จบบทความแค่นีล่ะครับแล้วพบกันใหม่...^_^

9 darts

บทความนี้ชื่อเรื่องว่า 9 darts หรือ ลูกดอกทั้ง 9 อยากจะเล่าเรื่องนี้ให้ฟัง เผื่อว่าท่านผู้อ่านจะได้มีแรงบันดาลใจในการเล่นดาร์ทครับ การเล่นเกม 501 นั้น ผู้เล่นสามารถจบเกมได้เร็วที่สุดด้วยการปาลูกดอกเพียง 9 ครั้ง นั่นก็คือปาเพียง 3 ชุด ครับ ซึ่งก็มีผู้เล่นที่ทำได้มาแล้ว การแข่งขันบางรายการก็จะมีการตั้งรางวัลพิเศษสำหรับผู้เล่นที่สามารถ ปิดเกมได้ภายใน 9 ดอก ด้วยนะครับ สำหรับการปิดเกมด้วยลูกดอก 9 ดอก นั้น ปาอย่างนี้ครับ
ชุดทีี่ 1 ปา T20,T20 และ T20 จะได้ 180 คะแนน คะแนนคงเหลือ 321 คะแนน
ชุดทีี่ 2 ปา T20,T20 และ T20 จะได้ 180 คะแนน คะแนนคงเหลือ 141 คะแนน
ชุดทีี่ 3 ปา T20,T15 และ D18 จะได้ 141 คะแนน พอดี หรือ จะปา T20,T19 และ D12 ก็ได้ หรือจะปาอะไรในชุดสุดท้ายให้มันได้ 141 คะแนนพอดี ลองมาดู Vdo Clip กันนะครับ



เป็น Vdo Clip การแข่งขันรายการ BDO World Darts Championship ในปีค.ศ. 1990 หรือพ.ศ.2533 รอบที่ 2 ระหว่าง Paul Lim กับ Jack McKenna รายการนี้ The Power หรือ Phil Taylor ได้แชมป์ครับ Paul Lim ตกรอบ 8 คนสุดท้าย แต่ได้เงินรางวัลพิเศษฐานปิดเกมได้ภายใน 9 ดอก รวมแล้วมากกว่าแชมป์ซะอีก Paul Lim ไม่เคยได้แชมป์ดาร์ทอาชีพโลกของ Steel-tip Darts แต่ไปประสบความสำเร็จใน Soft-tip Darts ได้แชมป์มาหลายสมัย
ลองมาดูอีก Clip หนึ่งนะครับ



Clip นี้เป็นการแข่งขัน PDC World Darts Championship รายการนี้แข่งกันปลายปีค.ศ.2008 ถึงต้นปีค.ศ. 2009 ระหว่าง Raymond van Barnaveld กับ Jelle Klaasen รอบ 8 คนสุดท้าย จะสังเกต Barnaveld มีหยิบลูกดอกหลุดด้วย เสียจังหวะนิดหนึ่งแต่ก็ปาเข้า T20 รายการนี้ The Power หรือ Phil Taylor ได้แชมป์ไปอีกเช่นกัน แต่งวดนี้ได้เงินรางวัลมากกว่าเขาหมด
การปิดเกมได้ด้วยลูกดอก 9 ดอกนั้น ไม่ใช่ว่าจะต้องปาได้แบบขั้นต้นเท่านั้นนะครับ ยังมีอีกวิธีคือ
ชุดทีี่ 1 ปา T20,T19 และ Bull's eye จะได้ 167 คะแนน คะแนนคงเหลือ 334 คะแนน
ชุดทีี่ 2 ปา T20,T19 และ Bull's eye จะได้ 167 คะแนน คะแนนคงเหลือ 167 คะแนน
ชุดทีี่ 3 ปา T20,T19 และ Bull's eye จะได้ 167 คะแนน พอดี
สรุปปามันเหมือนกันทั้ง 3 ชุด จำง่ายดี แต่จะทำได้หรือเปล่า
บทความนี้ที่เล่ามานี่ที่ว่าเผื่อจะสร้างแรงบันดาลใจให้ท่านผู้อ่านบ้าง ก็ดูแต่ละคนปาลูกดอกแค่ 9 ครั้ง จบ คนแรกเป็นชาวสิงคโปร์ อีกคนเป็นชาวเนเธอร์แลนด์ ปาได้อย่างนี้ก็ยังไม่ได้แชมป์ สรุป ดังนั้นไม่ต้องปาได้อย่างนี้ก็มีโอกาสเป็นแชมป์ได้เหมือนกัน ดูคลิปแล้วไม่รู้จะสร้างแรงบันดาลใจได้บ้างหรือเปล่าแต่จบละครับ..^_^


ลูกดอก (Dart)

การเล่นดาร์ท ถ้าภาษาบ้านเราชาวไทยก็ว่า ปาลูกดอก หรือปาเป้า แต่ถ้าว่าปาเป้าไม่ได้ระบุว่าเอาอะไรปา อาจจะเป็นขวดก็ได้มั้ง (ล้อเล่น) ผมว่าใช้ว่าใช้คำว่าปาลูกดอกน่าจะเหมาะกว่า ก็เพราะ Dart แปลว่า ลูกดอก บางคนอาจจะบอกว่าปาเป้าน่ะเหมาะสมกว่า ถ้าไม่ปาเป้าแล้วจะให้ไปปาหัวใคร เออ...นานาจิตตัง ไม่แสดงความคิดเห็น... มาว่าถึงบทความนี้กันดีกว่า ผมจะมาเล่าเรื่องลูกดอกครับ ก็ตามรูปด้านซ้ายจะมี 4 ส่วนหลักๆ ได้แก่
  1. ใบ (Flight) ใช้ในการทรงตัวของลูกดอกเวลาแล่นแหวกอากาศ ลองถอดใบแล้วปาลูกดอกดูจะเห็นความแตกต่าง
  2. ก้าน (Shaft) ใช้ยึดใบกับตัวลูกดอก มีทั้งก้านสั้น ก้านยาว ปลายหมุนได้ หมุนไม่ได้ วัสดุที่ใช้ทำก็หลากหลาย
  3. ตัวลูกดอก (Barel) ส่วนนี้จะเป็นส่วนที่ใช้จับตอนขว้าง ไม่รู้ว่ามีใครจับส่วนอื่นขว้างหรือเปล่า จะว่าสำคัญที่สุด หรือเปล่าไม่แน่ใจครับ เพราะถ้าขาดส่วนหนึ่งส่วนใดของลูกดอกมันก็ไม่เป็นลูกดอก ส่วนใดของลูกดอกเสียก็เปลี่ยนได้ ใบเสียก็เปลี่ยนได้ ตัวลูกดอกเสียก็เปลี่ยนตัวลูกดอก กลายเป็นว่าเปลี่ยนได้หมด แต่โดยทั่วไปส่วนนี้จะมีน้ำหนักมากที่สุดและราคาแพงที่สุด สำคัญกว่าเขาก็ตรงนี้แหละ
  4. เข็ม (Point หรือ Tip) เป็นส่วนที่จะไปปักบนบอร์ด ถ้าเข็มไม่ปักก็ถือว่าไม่เป็นคะแนน
ที่นี้มาเล่าถึงประเภทของลูกดอกกันครับ ดั้งเดิมเลยสมัยที่ยังใช้ธนูในการรบเขาว่า (ฟังมาอีกที) ลูกดอกทำมาจากลูกธนูที่หักครับ ยุคต่อมาเมื่อมีการเล่นดาร์ทแบบจริงจัง มีการนิยมเล่นกัน ก็มีการผลิตลูกดอกมาจำหน่าย วัสดุที่ใช้ก็คือไม้ เป็นลูกดอกไม้ น้ำหนักจะเบา เวลาปาการควบคุึมจะยาก ยุคต่อมาจนถึงปัจจุบัน ลูกดอกสามารถจำแนกได้ 3 ประเภทหลักๆ ตามวัสดุที่ใช้ทำตัวลูกดอก ได้แก่
  1. ลูกดอกทองเหลือง
  2. ลูกดอกนิเกิ้ล-ซิลเวอร์
  3. ลูกดอกทังสเตน
ลูกดอกทองเหลือง กับลูกดอกนิเกิ้ล-ซิลเวอร์ ขนาดต่อน้ำหนักพอๆ กัน ต่างกันก็ตรงสีสัน สำหรับลูกดอกทังสเตนถ้าเทียบกับ 2 ประเภทแรก ด้วยน้ำหนักที่เท่ากันจะมีขนาดเล็กกว่า 2-3 เท่า (หมายถึงความผอมบางหรือขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางของหน้าตัดตัวลูกดอก) ลูกดอกทังสเตนที่ผลิตออกมาก็จะมีการระบุว่ามีทังสเตนกี่เปอร์เซนต์ เช่น 80% 90% เป็นต้น ส่วนที่เหลือไม่เต็ม 100 ก็จะเป็นโลหะชนิดอื่่น (เขาว่าเป็นนิเกิ้ล) ข้อดีของการใช้ลูกดอกทังสเตนก็คือกรณีที่ปาแล้วลูกดอกต้องเบียดกัน (แบบมืออาชีพเขาปากันหรือแบบไม่มืออาชีพแต่ฟลุค) เช่น ปาเข้าไปกระ่จุกอยู่ที่ triple 20 ทั้ง 3 ดอก ถ้าเป็นลูกดอกทองเหลืองอยากจะเบียด แต่ด้วยขนาดอาจจะโดนแรงกระทบกันจึงทำให้เปลี่ยนทิศทางไปซะก่อน (เลยอด) ด้วยข้อดีอย่างนี้ ราคาก็แพงกว่าลูกดอกประเภทอื่น เป็นเรื่องธรรมดาจริงไหมครับ แต่รู้สึกจะแพงกว่ามากด้วยไม่ต่ำกว่า 4-5 เท่า สำหรับมือใหม่หัดปา ผมว่าใช้ทองเหลืองไปก่อนก็ดีนะ ทองเหลืองก็เบียดได้เหมือนกัน ต้องฝีมือด้วย ลูกดอกยังแบ่งประเภทใหญ่ๆ ได้อีก 2 ประเภทครับ ก็คือ ลูกดอกที่ใช้กับบอร์ดธรรมดาหรือบอร์ดขน เป็นลูกดอกหัวเข็มเหล็ก (Steel-tip darts) กับ ลูกดอกที่ใช้กับบอร์ดไฟฟ้าหรือตู้ไฟฟ้า เป็นลูกดอกหัวพลาสติก (Soft-tip darts) สำหรับ Steel-tip darts จะมีการกำหนดว่าน้ำหนักไม่เกิน 50 กรัม ส่วน Soft-tip darts นั้น บอร์ดไฟฟ้าจะรับน้ำหนักได้ต่างกัน จึงอยู่ที่ข้อกำหนดของการแข่งขันนั้นๆ เรื่องความแตกต่างของลูกดอกไปดูข้อมูลเพิ่มเติมที่นี่เลยครับ http://www.crowsdarts.com/dartdiff.html จบแล้ว แล้วพบกันใหม่ครับ. ^_^